ภาษาคอมพิวเตอร์ หมายถึง ภาษาทใช้กันในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน ตามความต้องการ โดยภาษาทเครื่องจะเข้าใจเรียกวา ภาษาเครื่อง (Machine Language) จะต้องอยู่ในรูปของ เลขฐานสองที่นำมาแทนสัญลกษณ์ต่าง ๆ อาจจะเป็นตัวอักษรหรือตัวเลขก็ได้ ภาษาทเครื่องเข้าใจนมนุษย์เข้าใจยาก จะต้องรู้เรื่องของฮาร์ดแวร์จึงได้มีการพัฒนาเป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจ เรียกว่า ภาษามนุษย์ (Human Oriented Language) ซึ่งภาษาเหล่านจะต้องถูกแปลให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่องก่อน
วัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์กมการพัฒนาหรือวิวัฒนาการมาโดยลำดับเช่นเดียวกบคอมพิวเตอร์
โดยสามารถ แบ่งเป็นรุนของภาษา (Generation) ได้ดังต่อไปนี้
ภาษาเครื่อง (Machine Language)
ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language)
ภาษาระดับสง (High-level Language)
ภาษาระดับสูงมาก (Very High-level Language)
ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)
ภาษาเครื่อง (Machine Language)
หรือ ภาษารุ่นที่ 1 เป็นภาษาหรือคำสั่งที่ใช้ในการสั่งงานหรือติดต่อกับเครื่องได้โดยตรง เครื่อง คอมพิวเตอร์ทุกชนิด ทุกขนาด จะทางานใด ๆ ได้ด้วยภาษาเคื่รองนี้ ลักษณะสำคญของภาษาเครื่องคือ เขียนอยู่ ในรหัสของเลขฐานสอง ซึ่งความจริงคือลักษณะของสัญญาณทางไฟฟ้า เพื่อสะดวกในการเขียนโปรแกรมจึงได้ แปลงลักษณะสัญญาณไฟฟ้าให้ตรงกับรหัสของเลขฐานสอง มีสัญลักษณ 2 ตัวคือ 0 กับ 1
- Op Code (Operation Code) คือ รหัสคำสั่งที่บอกให้เครื่องทำงาน เช่น ให้หยึดทางานหรือทำการ บวก ลบ คูณ หาร
- Operand คือ ส่วนที่เก็บตำแหน่งของข้อมูล เป็นส่วนที่บอกให้ทราบว่าจะนำข้อมูลส่วนใดมา ทำงาน และนำผลลัพธ์ไปเก็บที่ไหน
ภาษาระดับสูง (High-level Language)
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภาษารุ่นที่ 3 เป็นภาษาที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อความสะดวกและคล่องตัวขึ้นในการ ใช้งาน ภาษาระดับสูงนี้เป็นภาษาที่มีรูปแบบและความหมายใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ที่ใช้น้อยในปัจจุบัน นัก โปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมเป็นคำสั่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับงาน เพราะคำสังที่ใช้ถูกจำกัดใหม่ความ หมายแน่นอนลงไป สะดวกแก่การเข้าใจ นอกจากนี้โปรแกรมอาจจะไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบการทำงานภาย ในเครื่องมาก เพราะการเขียนโปรแกรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานภายในเครื่อง
ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN)
ย่อมาจาก FORmula TRANslator เป็นภาษาชั้นสูงภาษาแรกที่มีการใช้แพร่หลาย พัฒนาขึ้นในกลางปี ค.ศ. 1950 โดย JIM BACKUS ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของ IBM เหมาะสมกับงานทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวิศวกรรม ซึ่งมีการคำวณที่ยุ่งยากซับซ้อน ลักษณะของภาษาทคล้ายคลึงกับสูตร หรือสมการทาง คณิตศาสตร์และภาษานี้ยังได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็น FORTRAN 77 ซึ่งประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ไม่เหมาะสมกับงาน ทางการพิมพ์ หรืองานที่ต้องการเก็บข้อมูลเป็นไฟล์ (File)
ภาษาโคบอล (COBOL)
ย่อมาจาก COmmon Business-Oriented Language เดิมภาษานี้เรียกว่า CODASYL (COnference DAta SYstems Language) ได้มีการพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1960 โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา เป็น ภาษาที่นิยมใช้สำหรับงานทางด้านธุรกิจ สามารถใช้งานได้ทั้งบนเครื่องพีซี มินิคอมพิวเตอร์ และเมนเฟรม นอก จากนภาษาโคบอลยังเหมาะกับงานด้านการจัดการไฟล์ของข้อมูล งานที่มีข้อมูลมาก ๆ เพราะมีคำสั่ง ต่างๆ ที่ ใช้กับไฟล์มาก และสามารถใช้กับงานที่ต้องการออกรายงาน (Report) ที่ต้องการความสวยงามได้ คำสั่งต่างๆ ในภาษา COBOL มีลักษณะคล้ายกับภาษาอังกฤษ เข้าในง่าย มีกฎเกณฑในการเขียนที่ละเอียด แต่การทางาน ค่อนข้างช้าและไมเหมาะกับการคานวณที่ซับซ้อน งานที่เหมาะกับการใช้ภาษาโคบอล คือ งานทางสถิติ การ บัญชี การทำโปรแกรมเงินเดือน เป็นต้น
ภาษาเบสิก (BASIC)
ย่อมาจาก Beginner’s All–purpose Symbolic Instruction Code พัฒนาขึ้นในปี 1965 ที่วิทยาลัย Dartmouth โดย John Kenery และ Thomas Kurtz เป็นภาษาแรกที่ทำงานได้บนเครื่องพีซี ภาษานี้มีความ คล้ายคลึงกับภาษา FORTRAN ง่ายต่อการเรียนรู้ คำสั่งต่าง ๆ มีน้อย ทำให้เขียนโปรแกรมได้รวดเร็ว แก้ไขขอผิด พลาดได้ง่าย สามารถใช้งานได้อยางมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากเป็นภาษาที่ไม่มีโครงสร้าง จึงไม่เหมาะกับงาน ขนาดใหญ่ จุดเด่นของภาษานี้คือ Operating System ของภาษานใช้เนื้อที่น้อย ภาษาเบสิกนี้ใช้ได้กับงาน คำนวณ งานทางด้านธุรกิจ หรือการออกรายงาน
ภาษาปาสคาล (PASCAL)
ชื่อของภาษานี้ตั้งเป็นเกียรติแก่นักคณิตศาสต์รชาวฝรั่งเศส คือ Blaise Pascal ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการใช้ อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์ ภาษาปาสคาลคิดค้นโดย Niklaus Wirth แห่ง Swiss Federal Institute of Technology ในปีค.ศ. 1986 เพือใช้ในการเรียนการสอน เป็นภาษาที่มีโครงสร้างที่ดีมาก เหมาะสำหรับการเรียน เขียนโปรแกรมให้เป็นไปอยางมีระบบระเบียบ ใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เหมาะกับการนำมาประยุกต์ใช้ กับงานทั่ว ๆ ไป ทั้งทางด้านธุรกิจและงานด้านกราฟิก ภาษา Pascal เป็นภาษาทค่อนข้างจุกจิก มีข้อยกเว้นและ เครื่องหมายมาก ทำให้ลดความคล่องตัวในการใช้งาน
ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)
เป็นภาษาในรุ่นที่ 5 เหตุที่เรียกว่าภาษาธรรมชาติ เพราะสามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้ภาษา มนุษย์ได้เลย คำสั่งที่มนุษย์พิมพ์เข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นภาษาพูด ซึ่งอาจมีรูปแบบไม่แน่นอนตายตัว แต่คอมพิวเตอร์ก็จะสามารถทำการแปลคำสั่งเหล่านั้น ให้ออกมาในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ ถ้าคำถาม ใดไม่กระจ่าง ก็จะถามกลับ เพื่อให้ได้รายละเอียดยิ่งขึ้น ภาษาธรรมชาตินี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเทคโนโลยทางด้านระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System) เป็นงานที่ อยู่ในสาขาปัญญาประดิษฐ์ ในการทาให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมนุษย์ ซึ่งในการนตอง นำข้อมูลข่าวสารมาจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มาประกอบกันเพื่อใช้ในการตัดสินใจในสาขานั้นๆ ร่วมถึงการ แสดงผลลัพธ์ถึงค่าความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น นั้นคือต้องอาศัยระบบฐานข้อมูล เพื่อเก็บข้อมูล จำนวนมหาศาล เรียกฐานข้อมูลของระบบผู้เชี่ยวชาญนี้ว่า ฐานความรู้ (Knowledge Base)
Cradit : http://www4.csc.ku.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น